เปิดเช็กลิสต์ Facebook Ads ยิงโฆษณาอย่างไรให้ได้ผลจริง? วัดผลได้ถึงยอดขาย

Min Natjanan
deeple
Published in
3 min readAug 24, 2021

--

Facebook Ads, โฆษณา Facebook, Facebook Marketing, Manager Facebook ads, Facebook Chatbot, ยิงโฆษณา

Highlights

  • Facebook เป็นหนึ่งในช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ที่ได้รับความนิยม นั่นทำให้การทำตลาดบน Facebook ได้รับความนิยมไปด้วย
  • Facebook Ads เป็นเครื่องมือการตลาดที่คนขายของบน Facebook ให้ความสนใจในการวางแผนทำโฆษณา เพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และได้ยอดขายกลับคืนมา
  • เมื่อคนขายออนไลน์ใช้ Facebook Ads ไปได้สักระยะหนึ่ง อาจประสบปัญหาการยิงโฆษณาแล้วไม่ได้ตามเป้าหมาย นั่นทำให้ต้องกลับมาเปิดเช็กลิสต์การทำโฆษณา Facebook กันอีกครั้ง เพื่อนำไปปรับกับแผนการตลาดของคุณ

สถิติเมื่อปลายปี 2020 จาก Facebook มีธุรกิจกว่า 200 ล้านรายทั่วโลกมีหน้าร้านบน Facebook ทำให้เราปฏิเสธไม่ได้ว่า Facebook นับเป็นหนึ่งในช่องทางในการขายสินค้าของใครหลาย ๆ คน

เมื่อในแพลตฟอร์ม Facebook นั้นเต็มไปด้วยผู้ขายหลักล้านราย ความท้าทายที่เกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้เลยก็คือการแข่งขันระหว่างธุรกิจ เพื่อให้ได้ลูกค้า ยอดขาย และแบรนด์โดดเด่นเป็นที่รู้จักท่ามกลางคู่แข่งนับล้านนั้น และนั่นจึงทำให้ Facebook Ads กลายเป็นเครื่องมือการตลาดชิ้นสำคัญที่คนขายออนไลน์เลือกใช้เพื่อช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงลูกค้าได้เร็วกว่าคู่แข่ง หรือเปิดโอกาสให้เกิดการซื้อ-ขายได้ตามเป้าหมาย

สำหรับคนขายออนไลน์ที่เริ่มคุ้นเคยกับการใช้ Facebook Ads เมื่อทำการตลาดไปได้สักระยะหนึ่งจะเริ่มประสบปัญหาการยิงโฆษณาแล้วไม่ได้ผล ซึ่งหากคุณมีช่องทางขายหลักเป็น Facebook ก็อาจกระทบต่อรายได้ส่วนใหญ่ของธุรกิจได้เลย

วันนี้เราชวนมาเปิดเช็กลิสต์การยิง Facebook Ads กันอีกครั้ง สำหรับคนที่เริ่มพบปัญหาการยิงโฆษณา Facebook ได้ไม่ตรงตามเป้าหมาย หรือยิงโฆษณาแล้วไม่ได้ยอดขายกลับมา โดยคนขายออนไลน์สามารถนำไปปรับใช้กับการยิงโฆษณาในแบบของตัวเอง ให้คุณสามารถเพิ่มยอดขายจากการยิงโฆษณาได้จริง และบริหารงบการตลาดได้อย่างคุ้มค่ามากกว่าเดิม

1. มีเป้าหมายการทำโฆษณาชัดเจน

เช็กลิสต์การยิง Facebook Ads ข้อแรกที่ขาดไปไม่ได้ คือการตั้งเป้าหมายของแคมเปญที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถออกแบบโฆษณาให้ตรงวัตถุประสงค์ (Campaign Objective) โดยวัตถุประสงค์ในการยิงโฆษณาของ Facebook Ads นั้นมีให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย สามารถแบ่งได้ตามวัตถุประสงค์ยอดฮิต ตามประเภทของธุรกิจและแพลตฟอร์มการขายของร้าน เช่น

Facebook Ads, โฆษณา Facebook, Facebook Marketing, Manager Facebook ads, Facebook Chatbot, ยิงโฆษณา
ตัวอย่างการเลือกจุดประสงค์การยิงโฆษณา หรือ Campaign Objective
  • Brand Awareness: เพื่อให้คนเข้ามาติดตามเพจ หรือรู้จักแบรนด์มากขึ้น
  • Reach: เพื่อให้มีคนอ่าน หรือเห็นโพสต์จากเพจ
  • Engagement: เพื่อให้คนที่อ่าน มีปฏิสัมพันธ์กับโพสต์นั้น เช่น Like, Share, Comment, Post Click
  • Video Views: เพื่อให้คนที่เห็นโฆษณาสนใจ และกดดูวิดิโอ
  • App Install: เพื่อให้คนที่เห็นโฆษณากดติดตั้งแอป ในกรณีที่สินค้าเป็น Software Product
  • Traffic: เพื่อให้คนที่เห็นโฆษณากดเข้าไปดูเว็บไซต์ หรืออ่านบทความม
  • Message
  • Conversion: เพื่อให้คนที่เห็นโฆษณาคลิกซื้อสินค้า กรอกฟอร์มสมัคร ทักข้อความหาร้านค้า รวมถึงโทรหาร้านค้าตามเบอร์โทรที่ให้ไว้
  • Catalog Sales: เพื่อให้คนคลิกเข้าไปดูแคตตาล็อกสินค้าและซื้อสินค้า
  • Store Traffic: ค้นหาสาขาใกล้ตัวแล้วไปซื้อสินค้าที่ร้าน

โดยหากร้านค้าที่เน้นการขายบนช่องทาง Facebook มักจะมีส่วนหนึ่งของโฆษณาที่มีวัตถุประสงค์ไว้เพื่อสร้างยอดขาย ได้แก่ Conversion, Store Visit และ Catalog Sales แต่ในขณะเดียวกันคนขายออนไลน์บางคนเลือกแบ่งสัดส่วนการจะยิงโฆษณาหลาย ๆ จุดประสงค์ร่วมด้วย

เช่น ยิงโฆษณาเพื่อสร้าง Awareness และ Engagement ออกไปก่อน จากนั้นจึงนำกลุ่มเป้าหมายที่ได้กลับมายิงโฆษณาอีกชิ้นเพื่อสร้าง Conversion หรือจุดประสงค์คือการสร้างยอดขายอีกครั้ง (Retarget)

ดังนั้น หากโฆษณา Facebook ของคุณเริ่มไม่ได้ผล คนขายออนไลน์อาจจะต้องย้อนกลับมารีวิวแคมเปญ Facebook Ads ของคุณอีกครั้ง ว่าทางร้านได้มีการตั้งเป้าหมายของแคมเปญแต่ละแคมเปญเอาไว้อย่างไร และมีการแบ่งสัดส่วนโฆษณาแต่ละประเภทเอาไว้อย่างเหมาะสมแล้วหรือยัง?

2. จัดกลุ่มเป้าหมายให้เคลียร์

แน่นอนว่าปัจจัยสำคัญของการยิง Facebook Ads ก็คือเข้าหากับ “กลุ่มเป้าหมาย” ให้ได้มากที่สุด ดังนั้นอีกหนึ่งเช็กลิสต์สำหรับการยิงโฆษณา Facebook ที่จะช่วยให้คนขายออนไลน์สามารถเพิ่มยอดขายได้จริง ยิงโฆษณาแล้วเห็นผลถึงยอดขายจริง ก็คงหนีไม่พ้นการทำความเข้าใจในกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจของคุณ

Facebook Ads, โฆษณา Facebook, Facebook Marketing, Manager Facebook ads, Facebook Chatbot, ยิงโฆษณา
ตัวอย่างการตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายเมื่อต้องการยิง Facebook Ads

โดยทั่วไปแล้ว Facebook จะเปิดให้คนทำโฆษณาสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกจากอายุ เพศ ภาษา พื้นที่อยู่อาศัย ตำแหน่งงาน ความสนใจต่าง ๆ รวมถึงสามารถตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายการยิงโฆษณาอย่างละเอียดยิ่งขึ้น ดังนี้

  1. Saved Audiences ตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายตามเพศ อายุ สถานที่ ความสนใจ พฤติกรรมโดยสามารถเลือกยกเว้นกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้ และกดบันทึกกลุ่มเป้าหมายสำหรับใช้ยิงโฆษณาครั้งต่อไปได้
  2. Custom Audiences ตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายเคยคลิกดูโฆษณา เคยเข้าเว็บไซต์ เคยเข้าแอปมาก่อน รวมถึงเป็นกลุ่มที่มีข้อมูลอยู่ในช่องทางอื่น ๆ ของร้านค้า
  3. Lookalike Audiences ตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มที่จะให้ความสนใจกับโฆษณา หรือมีความสนใจใกล้เคียงกับ Custom Audiences ของเพจในทางใดทางหนึ่ง เพื่อเพิ่มโอกาสในการหาลูกค้าใหม่ ๆ
Facebook Ads, โฆษณา Facebook, Facebook Marketing, Manager Facebook ads, Facebook Chatbot, ยิงโฆษณา
ตัวอย่าง Facebook Audience Insight ให้คนทำโฆษณารู้จักกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น

เบื้องต้น ในกรณีที่คนขายออนไลน์เริ่มรู้สึกว่าโฆษณาที่ยิงไปเริ่มไม่ได้ผล ควรลองกลับไปเช็กกลุ่มเป้าหมาย หรือกลุ่มลูกค้าของคุณอีกครั้งด้วยเครื่องมือฟรีจาก Facebook อย่าง Facebook Audience Insights เพื่ออัปเดตกันใหม่ว่าลูกค้าของคุณนั้นเป็นใครกันแน่ รวมถึงค้นหากลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าของคุณด้วย

Facebook Ads, โฆษณา Facebook, Facebook Marketing, Manager Facebook ads, Facebook Chatbot, ยิงโฆษณา
เทคนิคการแบ่งกลุ่มเป้าหมายการยิงโฆษณาตาม Marketing Funnel

หรืออีกเทคนิคที่ช่วยคุณจัดกลุ่มเป้าหมายในการยิง Facebook Ads ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นที่นิยมในการทำการตลาดก็คือ “การแบ่งกลุ่มเป้าหมาย” ตามหลัก Marketing Funnel หรือกรวยทางการตลาด ได้แก่

  • คนที่ยังไม่รู้จักแบรนด์มาก่อน (Cold Traffic) ตั้งค่า Saved Audiences กับ Lookalike Audiences เพื่อเลือกกลุ่มคนที่มีแนวโน้มจะให้ความสนใจกับโฆษณา เพื่อให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จัก
  • คนที่เคยรู้จักแบรนด์แล้ว ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของแบรนด์ (Warm Traffic) ตั้งค่า Custom Audiences โดยเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เคยเข้าเว็บไซต์ หรือเคยเห็นโพสต์ของแบรนด์แล้ว เพื่อ Retarget ให้รู้จักแบรนด์มากขึ้น เพื่อนำไปสู่การซื้อสินค้า
  • คนที่เคยเข้าเว็บไซต์ของแบรนด์ (Hot Traffic) ตั้งค่า Custom Audiences เลือกคนที่เคยเข้าเว็บไซต์ของแบรนด์ โดยใช้เนื้อหาโฆษณาที่ออกแบบให้เกิด Conversion เนื่องจากคนที่เข้าไปหาข้อมูลในเว็บไซต์แบรนด์แล้วมีแนวโน้มว่าจะรู้จักแบรนด์ดีประมาณนึงแล้ว
  • คนที่เคยเป็นลูกค้าแล้วและมีโอกาสกลับมาซื้อซ้ำ (Existing Customers) ตั้งค่า Custom Audience จากรายชื่อลูกค้าหรือ Customer List ที่ได้จากแพลตฟอร์มการขายอื่น ๆ เช่น อีเมล เบอร์โทร แล้วนำมายิงโฆษณาที่มีเนื้อหาเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าปัจจุบัน เพื่อรักษาความสัมพันธ์ และเน้นย้ำให้เกิดการซื้อซ้ำ

โดยเมื่อสามารถแบ่งลูกค้า หรือว่าที่ลูกค้าออกตามสถานะเหล่านี้ได้แล้ว เนื้อหา โฆษณา หรือวัตถุประสงค์ของการทำโฆษณา Facebook สำหรับเป้าหมายแต่ละกลุ่มก็จะต่างกันออกไปด้วย ทำให้ผลิตชิ้นงานโฆษณาออกมาสื่อสารได้อย่างตรงเป้า เข้าประเด็นมากขึ้นนั่นเอง

3. สร้างสรรค์โฆษณาที่จับลูกค้าอยู่หมัด

ไม่มีหลักการตายตัวนักสำหรับการทำโฆษณาสักชิ้น แต่สิ่งสำคัญหากคนขายออนไลน์อยากสร้างโฆษณา Facebook ที่มีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยความเข้าใจในลูกค้าของคุณในการสร้างชิ้นงานโฆษณาที่ตรงใจ พุ่งเป้าตรงไปที่ปัญหา (Pain point) เพื่อให้สามารถเกิดการซื้อ หรือ Action ต่าง ๆ ต่อจากการดูหรือชมโฆษณาได้ทันที

ดังนั้น เช็กลิสต์การสร้างโฆษณาแต่ละชิ้นที่คนขายออนไลน์ต่างต้องคำนึงถึงในการยิง Facebook Ads แต่ละครั้ง คงหนีไม้พ้นการทบทวนองค์ประกอบต่าง ๆ ในชิ้นงานโฆษณาที่ควรออกแบบให้เคลียร์มากพอ และดึงดูดความสนใจมากจากกลุ่มเป้าหมายที่กำลังเลื่อนฟีดให้หยุดเพื่อดูโฆษณาสินค้าของคุณได้ เช่น

  • ร้านค้าขายสินค้าอะไร
  • สินค้านี้ช่วยแก้ Pain point ของกลุ่มเป้าหมายอย่างไร
  • ข้อมูลต่าง ๆ ที่มีผลต่อการซื้ออย่างชัดเจน เช่น ราคา ส่วนลด สิทธิประโยชน์
  • ข้อมูลที่เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสินค้า เช่น ผลลัพธ์การใช้งานจริง รีวิวจากลูกค้า
  • ระบุสิ่งที่ต้องการให้ลูกค้าทำอย่างชัดเจน (Call to action) เช่น ซื้อสินค้า ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ กดติดตั้งแอป เป็นต้น

เปิดคลังตัวอย่างโฆษณา Facebook ที่น่าสนใจในปี 2021 https://mktoolboxsuite.com/facebook-ad-examples/

4. วัดผลและติดตามผลลัพธ์สม่ำเสมอ

สิ่งสำคัญของการทำโฆษณาก็คือการวัดผลและติดตามผลเป็นประจำ เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ได้ว่าโฆษณาประเภทแบบไหน ได้ผลดีต่อกลุ่มเป้าหมายแบบไหน หรือหากโฆษณาได้ผลไม่ดีเท่าที่ควรก็จำเป็นต้องปิดโฆษณาตัวนั้นไป เพื่อไม่ให้งบประมาณในการยิงโฆษณานั้นเสียเปล่า

โดยเมื่อมีเรื่องงบประมาณหรือ Budget เข้ามาเกี่ยวข้อง การวัดผล Facebook Ads จึงมักมีการคิดจากค่าต่าง ๆ ที่เปรียบเทียบกับระหว่างผลลัพธ์ที่ได้ให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่เสียไป (Cost Per Result) ซึ่งหากค่าตัวเลขเหล่านี้ไม่ตรงเป้าหมาย ก็จะมีผลต่อการวางแผนการตลาดหรือการยิงโฆษณาในอนาคต

Facebook Ads, โฆษณา Facebook, Facebook Marketing, Manager Facebook ads, Facebook Chatbot, ยิงโฆษณา
ตารางการวัดผล Facebook Ads

เราขอยกตัวอย่างเครื่องมือวัดผลยอดฮิตในการทำ Facebook Ads ที่นักการตลาดและคนขายออนไลน์ใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น

  • CPM (Cost per Impression) สำหรับประเมินค่าใช้จ่ายเบื้องต้นในการยิงโฆษณาทุกประเภท โดยวัดจากการที่โฆษณายิงออกไปปรากฏบนหน้าฟีดของกลุ่มเป้าหมาย
  • CTR (Click Through Rate) วัดความน่าสนใจของพาดหัว รวมถึงตัวโฆษณา โดยคิดจากจำนวนคนเห็นโฆษณากับจำนวนคนคลิกโฆษณา
  • CPC (Cost per Click) วัดคุณภาพของโฆษณา โดยเมื่อโฆษณามีความน่าสนใจ มีคนคลิกจำนวนมาก ค่า CPC ก็จะต่ำลง
  • Relevance Score คะแนนความน่าสนใจที่ Facebook ประเมินให้โฆษณาชิ้นนั้น ๆ เมื่อเทียบกับโฆษณาของแบรนด์คู่แข่ง ซึ่งอาจมาจากยอดการคลิกโดยรวม ไปจนถึงหักลบกับการที่มีคนเห็นโฆษณาแล้วกดซ่อนโฆษณาด้วย

อย่างที่บอกไปว่าในการยิง Facebook Ads ให้ได้ผลดีมากที่สุดนั้นไม่ได้มีหลักการตายตัว แต่ต้องอาศัยประสบการณ์และความเข้าใจต่อกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ รวมทั้งการมีเครื่องมือสำหรับการวัดผล เพื่อช่วยในการวิเคราะห์ผลลัพธ์ของการทำโฆษณาได้อย่างรอบด้าน และนำมาปรับปรุงกับโฆษณาชิ้นต่อ ๆ ไปให้พุ่งเข้าเป้าหมายทางการตลาดของธุรกิจให้ได้มากกว่าเดิม

deeple ช่วยคุณวัดผลโฆษณา Facebook ได้ถึงยอดขาย

Facebook Ads, โฆษณา Facebook, Facebook Marketing, Manager Facebook ads, Facebook Chatbot, ยิงโฆษณา, deeple, Comment to Chat
ฟีเจอร์ Comment to Chat ให้คุณวัดผลโฆษณา Facebook ได้ถึงยอดขาย

อีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยให้คนขายของบน Facebook สามารถวัดผลโฆษณา Facebook ได้ดียิ่งขึ้นจนถึงยอดขาย ได้แก่ ฟีเจอร์ Comment to Chat บน deeple AI Chatbot ระบบตอบกลับและดึงลูกค้าเข้าหน้าแชททันทีเมื่อลูกค้าคอมเมนต์แสดงความสนใจในสินค้า

โดยฟีเจอร์นี้ช่วยคนขายออนไลน์ให้สามารถยิงโฆษณา Facebook ให้ได้ทั้ง Engagement จากการที่มีผู้ที่สนใจเข้ามาคอมเมนต์ และได้ยอดขายจากการที่ AI Chatbot เข้าไปตอบและปิดการขายได้ทันที นอกจากนี้คนขายออนไลน์ยังสามารถวัดผลโฆษณาได้ลึกขึ้น ด้วยระบบรายงานยอดขายเรียลไทม์จากโพสต์โฆษณาใน Facebook เป็นข้อมูลสำหรับการนำไปยิง Facebook Ads ให้เข้าเป้ากว่าที่เคย

โดยหากสนใจให้ deeple เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือการตลาด รวมถึงติดตั้ง Facebook Chatbot เพื่อเป็นตัวช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านออนไลน์ของคุณ สามารถสมัครใช้งานฟรี คลิกที่นี่

บทความแนะนำ

--

--